การคำนวณทางคณิตศาสตร์
ความสำคัญของเครื่องหมาย
ต่อไปนี้เป็นความสำคัญของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์เริ่มจากสูงสุดไปต่ำสุด
4 ต่อไปนี้เป็นความสำคัญของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์เริ่มจากสูงสุดไปต่ำสุด
X วงเล็บ ( )
X ยกกำลัง ^
X คูณ หรือ หาร / *
X บวก หรือ ลบ + -
4 ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันจะทำด้านซ้ายก่อน
4 โจทย์ให้คำนวณ 5 + 10 / 2
4 วิเคราะห์ :
X มีเครื่องหมายคือ + และ /
X หารมีความสำคัญสูงกว่า ดังนั้นทำหารก่อน ผลคือ
X 5 + 10
/ 2 คำตอบคือ 10
ขั้นที่ 1.
คำนวณ 10 / 2
= 5
ขั้นที่ 2.
คำนวณ 5 + 5
= 10
|
4 คำนวณ ( 100 / 5 ) * 2 ^ 3 = ?
4 ทำในวงเล็บก่อน แล้ว ยกกำลัง ตามด้วยคูณ
X ( 100 / 5) * 2 ^ 3
ขั้นที่ 1. คำนวณ 100 /
5 = 20
ขั้นที่
2. คำนวณ 2
^ 3 = 8
ขั้นที่ 3
คำนวณ 20 * 8 = 160
คำตอบคือ 160
|
แปลงสูตรให้เป็นการคำนวณ
4 การแปลงสูตรเป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ ที่ต้องแปลงให้ถูกต้องตามลำดับการคำนวณ
เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ
4 การคำนวณอาจต้องมีการเพิ่มเติมเครื่องหมายเพื่อจัดลำดับของการคำนวณใหม่
4 ตัวอย่าง ให้คำนวณหาโบนัส ซึ่งเท่ากับ 5 เท่าของเงินเดือน
X โบนัส = เงินเดือน * 5
4 ตัวอย่าง ให้คำนวณหาราคาสินค้า 5000 บาทเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %
X ราคาสุทธิ = ราคาสินค้า +
ราคาสินค้า * 7 / 100
= 5000 + 5000 *
7 / 100
= 5350
4 คำนวณหาราให้คาสินค้าเมื่อลด 50%
4 ราคาสินค้า 50% = ราคาสินค้า
* 50 / 100
4 ราคาสินค้า 200 บาท
X ราคาสินค้า = 200 * 50 / 100 = 100
X คำว่า % ในสูตรต่างๆ ต้องนำ %
คูณกับแหล่งที่มาเสมอ เช่น
•
50% ของค่าใช้จ่าย = ค่าใช้จ่าย *
50 / 100
•
10% ของเงินเดือน = เงินเดือน * 10
/ 100
Tips
4 การคำนวณยอดชำระสุทธิ
X ยอดสุทธิ = ยอดชำระก่อนหักส่วนลด
- ส่วนลด
4 โดยที่
X ยอดชำระก่อนหักสวนลด = ราคา * จำนวน
X ส่วนลด =
ยอดชำระก่อนหัก * ส่วนลด
4 รวม
X ยอดสุทธิ = (ราคา * จำนวน) -
((ราคา * จำนวน) * ส่วนลด))
4 จงหายอดชำระเมื่อหักส่วนลด 30 % เมื่อซื้อสินค้า 5 ชิ้นราคาชิ้นละ 300 บาท
4 ยอดสุทธิ = (ราคา * จำนวน) -
((ราคา * จำนวน) * ส่วนลด)
4 ยอดสุทธิ = (300 * 5) - ((300 * 5) * 30 / 100)
= 1500 - 450
= 1050 บาท
4 จงหายอดชำระเมื่อหักส่วนลด 30 % เมื่อซื้อสินค้า 5 ชิ้นราคาชิ้นละ 300 บาท
4 คิดใหม่จากสูตร
4 ยอดสุทธิ = (ราคา * จำนวน) * (100
- เปอร์เซ็นต์) / 100
4 ยอดสุทธิ = (ราคา * จำนวน) * 70
/ 100
4 ยอดสุทธิ = (300 * 5 * 70 / 100)
= 1050 บาท
เท่ากันหรือไม่
ตัวแปร : Variable
4 ตัวแปร คือ แหล่งเก็บข้อมูล ที่จะนำไปใช้ในการทำงานของโปรแกรม
อันที่จริงอาจหมายถึงหน่วยความจำตำแหน่งหนึ่ง
ที่ถูกกันไว้สำหรับเก็บข้อมูลชั่วคราว
4 ชนิดของตัวแปร
X ตัวแปรตัวอักษร(String)
X ตัวแปรตัวเลข(Number)
X ตัวแปรตรรกะ(Boolean)
X ตัวแปรอาเรย์(Array)
X ตัวแปรตัวชี้(Pointer)
String
4 ตัวแปรในกลุ่มตัวอักษร อาจเป็นข้อความ สัญลักษณ์
หรือตัวเลขที่ไม่ใช้ในการคำนวน
X Character ตัวแปรเก็บค่าตัวอักษรเพียงตัวเดียว
X String ตัวแปรเก็บข้อความหรือตัวอักษรได้มากกว่า 1 ตัว
Number
4 ตัวแปรประเภทตัวเลข
ซึ่งสามารถนำไปคำนวณได้
X Integer เก็บค่าจำนวนเต็ม ไม่มีทศนิยม อาจแบ่งเป็น longinteger
หรือ integer
X Real เก็บค่าจำนวนที่ประกอบไปด้วยทศนิยม
4 ตัวแปรตัวเลขจะมีช่วงของการเก็บค่าของมันเอง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวแปลภาษาจะเป็นตัวกำหนด เช่น integer
มีค่าได้ตั้งแต่ -32767 ถึง 32767 ในภาษาปาสคาล
Boolean
4 เป็นข้อมูลชนิดตรรกะ มีค่าได้เพียง 2 แบบ คือจริง(True) และเท็จ(False) เท่านั้น
4 มักใช้ในการเปรียบเทียบ หรือทำงานแบบตรงข้ามกันเช่น on กับ off เป็นต้น
Array
4 เป็นกลุ่มของตัวแปรจำนวนมาก
4 ซึ่งทั้งชุดจะเก็บค่าเดียวกัน
4 เรียกใช้งานโดยระบุ index หรือลำดับที่ ว่าจะใช้ลำดับที่เท่าไร
4 อาจกำหนดให้อยู่ในรูป 1 ,
2 หรือ 3 มิติได้
4 ตัวแปรชนิดนี้มักใช้หน่วยความจำค่อนข้างมาก
Pointer
4 เป็นตัวแปรประเภทตำแหน่งที่อยู่ของข้อมูล
4 ตัวแปรชนิดนี้มักถูกใช้งานในการเขียนโปรแกรมขั้นสูง
4 ผู้ใช้งานต้องมีความชำนาญ เนื่องจากเป็นการเข้าถึงหน่วยความจำโดยตรง
หากผิดพลาดจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง
การกำหนดค่า
4 กำหนดให้ตัวแปร A,B,C เป็น integer
กำหนดให้ A = 10 อ่านว่า นำ 10 เก็บที่ A
B
= 50 อ่านว่า นำ 50 เก็บที่
B
C
= A+B อ่านว่า นำค่า A
บวก B แล้ว
เก็บไว้ที่ C
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น